แชมป์พรีเมียร์ลีก2020-21

ต่อไปนี้คืออัตราต่อรองเต็งแชมป์พรีเมียร์ลีก ประจำฤดูกาล 2020-21 จากบริษัทรับพนันแบบถูกกฏหมายในประเทศที่ไม่ใช่เมืองพุทธ (5 อันดับแรก)

1-1 แมนฯ ซิตี้

7-4 ลิเวอร์พูล

9-1 แมนฯ ยูไนเต็ด

12-1 เชลซี

40-1 อาร์เซนอล

ทันใดก็ขอเรียนตามตรงว่าท่านผู้ชมทางบ้านอย่างผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับอัตราต่อรองตัวเต็งแชมป์พรีเมียร์ลีกของบรรดาสำนักพนันที่ยกให้ แมนฯ ซิตี้ เป็นมือวางอันดับ 1 ของรายการสักเท่าไหร่

เนื่องเพราะในสายตาของผม - ลิเวอร์พูล ยังคงยืนหนึ่งในฐานะของทีมที่มีโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2020-21 มากที่สุด ซึ่งนี่แหละคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ

เมื่อความเห็นไม่ตรงกัน การพนันจึงบังเกิด 5555

ถามว่าทำไม บรรดานายบ่อนถึงพร้อมอกพร้อมใจกันยกให้ แมนฯ ซิตี้ เป็นเต็งหนึ่ง ???

อืมมมมมม...นะ

อันดับแรกมันน่าจะเกิดจากความล้มเหลวของทีมเรือใบสีฟ้าเมื่อฤดูกาลที่แล้ว

แม้อาจไม่ถึงขั้นเสียน้องหมา แต่ก็ถือว่าเสียฟอร์มมิใช่น้อย

จาก 98 แต้มที่สะสมได้ในฤดูกาล 2018-19 ลดลงเหลือเพียงแค่ 81 แต้มเท่านั้นในฤดูกาลล่าสุด หายไปจากเดิมอย่างฮวบฮาบถึง 17 แต้ม แถมยังตามหลังแชมป์อย่าง ลิเวอร์พูล แบบไม่เห็นฝุ่นถึง 18 แต้ม

เรียกว่าต่ำกว่ามาตรฐานอย่างจงหนัก

แน่นอนว่ามันย่อมนำมาซึ่งการปรับปรุงทีมขนานใหญ่ด้วยผู้เล่นใหม่ระดับดาวดังแบบครบวงจร

ถึงเวลานี้ที่ตลาดลูกหนังยังเปิดทำการไปอีกกว่า 1 เดือน แมนฯ ซิตี้ สอยผู้เล่นใหม่มาเสริมทัพแล้ว 2 หน่อ - เฟอร์ราน ตอร์เรส กับ เนธาน อาเก้ ค่าตัวรวมกัน 61 ล้านปอนด์ โดยคาดว่าไม่น่าจะหยุดอยู่แค่นี้

จุดอ่อนของพวกเขาที่คมชัดด้วยตาเปล่าจากเมื่อฤดูกาลก่อน คือเกมรับ

เมื่อปราศจากปราการหลังอย่าง แวงซองต์ ก็องปานี ขณะที่เอเมอริค ลาปอร์กต์ ถูกอาการบาดเจ็บลักพาตัวไปเป็นเวลานาน ส่วนผู้เล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายก็ไม่ค่อยเสถียรสักเท่าไหร่ ส่งผลให้ แมนฯ ซิตี้ มีปัญหาในการป้องกัน พวกเขาเสียประตูง่ายมาก มิหนำยังมักจะเสียแบบไม่น่าเสียอีกต่างหาก เสียโดยที่ไม่ได้ถูกคู่แข่งสร้างความความกดดันให้ด้วยซ้ำ

แมนฯ ซิตี้ ยังต้องการเซ็นเตอร์แบ็คตัวใหม่ รายงานข่าวกล่าวว่าอาจเป็น คาลิดู คูลิบาลี่ หรืออาจเป็นใครก็ตาม เพื่อกลบจุดอ่อนของตัวเองเมื่อฤดูกาลที่แล้ว

ผนวกกับความหื่นกระหายและแรงขับเคลื่อนในการทวงคืนความสำเร็จ

ที่สำคัญคือกุนซือของพวกเขามีชื่อว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

จุดนี้แหละคือเหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้พวกเขาเป็นเต็งหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม

ลิเวอร์พูล จากขุมกบาลของ เจอร์เก้น คล็อปป์ แสดงให้เห็นถึงมาตรฐานที่สูงมาก

เฉพาะอย่างยิ่งเกมรับอันเป็นกุญแจสำคัญฐานของทีมที่จะเป็นแชมป์

ในเมื่อศักยพลานุภาพในเกมรุกนั้นพอฟัดพอเหวี่ยงกัน มันก็ต้องมาวัดกันที่เกมรับ

ผมมองว่าทีมที่มีเกมรับแข็งแกร่งกว่าย่อมมีโอกาสพุ่งเข้าชนและวิ่งเข้าใส่ความสำเร็จมากกว่า

ลิเวอร์พูล เหนือกว่า แมนฯ ซิตี้ ในจุดนี้นะครับ

แต่เหตุผลที่ทำให้พลพรรคเครื่องจักรสีแดงผู้อหังการถูกมองว่าเป็นแค่เต็ง 2 อาจเป็นเรื่องของ...แรงจูงใจ

ทีมที่นั่งเบียดกับความสำเร็จพลางบรรลุในเป้าหมายในชีวิตของตัวเองเป็นที่เรียบร้อย แรงจูงใจ แรงผลักดัน แรงกระตุ้น และความหื่นกระหายมันก็จะลดน้อยลงไปตามธรรมชาติ

นั่นคือเหตุผลที่บอกว่าทำไม ลิเวอร์พูล ถึงจำเป็นต้องมองหาผู้เล่นใหม่มาเสริมทัพ ถึงแม้นว่าพวกเขาจะมีทีมที่แข็งแกร่ง และมาตรฐานสูงอยู่แล้ว

การเสริมทีมด้วยผู้เล่นใหม่ ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มขนาดของตัวเองให้ใหญ่และยาวมากขึ้น ด้วยขุมกำลังที่เพียบพร้อมและสมบูรณ์แบบมากขึ้นอย่างเดียว

แต่การมาของผู้เล่นใหม่ๆ ยังหมายถึงการกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันภายในทีมอีกด้วย

2 ฤดูกาลที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ประสบความสำเร็จระดับน้ำแตก ด้วยตำแหน่งแชมป์ระดับเมเจอร์อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และพรีเมียร์ลีก โดยไม่จำเป็นต้องนับถ้วยน้ำจิ้มอย่าง ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ หรือ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ด้วยซ้ำ

ผู้เล่นส่วนใหญ่จึงตกอยู่ในสภาพของชูชกที่กำลังนอนตีพุงพลางสไลด์หนอนเล่นด้วยความเร็วปานกลางบนความอิ่มเอมแบบสุดขีด

ว่ากันว่าโคตรทีมมักจะอยู่ในช่วงที่ฟอร์มการเล่นเปล่งปลั่งที่สุดประมาณ 2-3 ปี

สำหรับทีมชุดปัจจุบันของ เจอร์เก้น คล็อปป์ อยู่ในช่วงน้ำกระฉูดทะลุเพดานห้องน้ำมาเป็นเวลา 2 ปีเศษๆ แล้วนะครับ

ดังฉะนั้นจึงจำเป็นต้องปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงให้เกิดความแปลกใหม่บ้าง

เคล็ดลับสำคัญประการหนึ่งที่ช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยืนระยะครองความยิ่งใหญ่เป็นเวลายาวนาน คือจิตวิทยาในการคุมทีม

ทุกครั้งหลังการคว้าแชมป์ บรมกุนซืออย่างคุณป๋ามักจะแกล้งลูกทีมด้วยการประกาศว่าฤดูกาลหน้าจะมีผู้เล่นเก่าอย่างน้อย 3 คนที่จะถูกโละออกไปจากทีม เพื่อหลีกทางให้นักเตะใหม่ที่จะเข้ามาแทนที่

นั่นจึงนำมาซึ่งความกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา

จังหวะเดียวกัน แมนฯ ยูไนเต็ด ก็จะกระชากดาวเตะใหม่มาเสริมทัพ แม้ของเดิมจะไฉไลอยู่แล้วก็ตาม

เจอร์เก้น คล็อปป์ จึงนิ่งเฉยให้กับการเสริมทัพเป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกันไม่ได้นะครับ

เพราะแรงจูงใจของผู้เล่นชุดปัจจุบันที่อิ่มความสำเร็จย่อมลดน้อยลงไปแน่

สำหรับ เต็ง 3 อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด

เรียนตามตรงว่าพวกเขาคงเป็นได้แค่เต็ง 3 ที่ได้แต่มองดู แมนฯ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล ขับเคี่ยวแย่งชิงความสำเร็จกันเหมือนเดิม ด้วยผู้จัดการทีมที่ไม่ต่างจากนักเตะฝึกหัด

เข้าใจครับว่าสิ่งที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ต้องการคือเวลาในการสร้างทีมใหม่ เช่นเดียวกับเวลาในการฝึกวิชาผู้จัดการทีมพลางสะสมประสบการณ์ให้มากขึ้น

ในเมื่อสิ่งที่คุณต้องการคือ "เวลา" ความสำเร็จระดับแชมเปี้ยนจึงยังไม่น่าจะรีบมาหาคุณภายในเวลาอันใกล้นี้เป็นแน่

ต่อให้เสริมทัพแบบจัดหนัก - เต็มที่ก็อาจทำได้แค่ "มีลุ้น" เท่านั้น

ทีมที่น่าจับตาว่าจะเป็นตัวสอดแทรกและนาทีนี้คือ เชลซี ต่างหาก

หลังจากถูกแบนห้ามซื้อตัวผู้เล่นในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แม้จะได้รับการอภัยโทษในช่วงตลาดหน้าหนาว พวกเขาก็ยังไม่ซื้อใครมาเพิ่ม เหมือนหยุดรออะไรบางอย่าง

แล้วมันก็ระเบิดออกมาบนความอัดอั้นตันตูดของผู้เป็นเจ้าของทีมอย่าง "เสี่ยหมี" โรมัน อบราโมวิช

ฮาคิม ซีเย็ก กับ ติโม แวร์เนอร์ ถูกเซ็นสัญญามาร่วมทีมแบบล่วงหน้า ตามมาด้วยปราการหลังตัวเก๋าอย่าง ติอาโก้ ซิลวา และแบ็คซ้ายที่กำลังมาแรงอย่าง เบน ชิลเวลล์

ไค ฮาแวร์ตซ์ เป็นดาวเตะอีกคนที่กำลังจะตามมา

มิเท่านั้นยังอุดมด้วยเหล่าดาวรุ่งที่รอวันแจ้งเกิดอีกเป็นฝูงเลยทีเดียว

ด้วยขุมกำลังที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เชลซี ไม่เป็นรองทั้ง แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ด้วยซ้ำ

ติดอยู่ตรงที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยังอ่อนพรรษาเกินไปหน่อย เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับกุนซือระดับอ๋องอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และเจอร์เก้น คล็อปป์

ในสายตาของคอลัมนิสต์ลูกหนังผู้มีอาการทางจิตเล็กน้อยอย่างผม

ลิเวอร์พูล ยังเป็นเต็งหนึ่งคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลหน้า ด้วยมาตรฐานที่สูงกว่าชาวบ้าน แถมมีเกมรับที่เหนียวแน่นและแข็งแกร่งว่าเต็งหนึ่งอย่าง แมนฯ ซิตี้ ในเวลานี้

แต่ด้วยแรงจูงใจที่น่าจะลดน้อยลงไป ไม่มีทางเป็น "สิบล้อเบรคแตก" (เมายาบ้า) เหมือนเดิม หลังประสบความสำเร็จ แต้มที่พวกเขาสะสมได้อาจไม่บ้าคลั่งเหมือน 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา โดยคาดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 87 - 90 แต้ม...เป็นอย่างต่ำ

ว่าแล้วมาดูมาตรฐานที่แชมป์พรีเมียร์ลีกใน 4 ฤดูกาลล่าสุดวางเอาไว้นะครับ

2016-17 เชลซี สะสมได้ 93 แต้ม

2017-18 แมนฯ ซิตี้ สะสมได้ 100 แต้ม

2018-19 แมนฯ ซิตี้ สะสมได้ 98 แต้ม

2019-20 ลิเวอร์พูล สะสมได้ 99 แต้ม

ฉะนั้น & ฉะนี้

หากคิดจะโค่นหงส์แดง คุณก็ควรกักตุนคะแนนให้ได้มากกว่า 90 แต้ม...เป็นอย่างต่ำ !!!

เครดิต บอ.บู๋

จาก siamsport