Menu

9 ตัวเต็งเทรนเนอร์คนใหม่ของเสือใต้ !!

   ทั้งนี้นี่คือการโดนปลดกลางอากาศเป็นครั้งแรกในอาชีพกุนซือของ อันเชล็อตติ และเชื่อว่ามีโอกาสไม่น้อยที่เขาจะได้กลับไปทำงานกับ เอซี มิลาน อีกครั้งในอนาคต  ส่วน “เสือใต้” เวลานี้ก็จะให้ วิลลี่ ซาญอล มือขวาของทีมนั่งแทนไปก่อน เพื่อรับมือกับ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ในเกมบุนเดสลีกาวันเสาร์นี้

1. จูเลียน นาเกลส์มันน์, 29 ปี (ฮอฟเฟนไฮม์)

นาเกลส์มันน์ ที่เพิ่งอายุ 29 ปีไปเมื่อไม่กี่วันที่แล้ว ถูกโปรโมทขึ้นมาคุมทีมชุดใหญ่ของ ฮอฟเฟนไฮม์ หลังจากที่ ฮูบ สตีเว่นส์ ลาออกไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยแรกเริ่มเดิมทีนั้น เทรนเนอร์วัยกระเตาะ ถูกเตรียมไว้ให้เป็นกุนซือใหญ่ของทีมในซีซั่น 2016/17 ซึ่งก่อนหน้านี้ นาเกลส์มันน์ เคยผ่านงานทีมยู 19 ปีของทีมมาก่อนแล้ว

กุนซือที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์บุนเดสลีก้า พา ฮอฟเฟนไฮม์ รอดตกชั้นได้สบายๆ และปีหน้า นาเกลส์มันน์ จะได้โอกาสคุมทีมเต็มตัวเป็นครั้งแรก ซึ่ง นายใหญ่วัยเยาว์ บอกว่าสไตล์การคุมทีมของเขาจะผสามผสานแบบ บาร์เซโลน่า, อาร์เซนอล และ บียาร์เรอัล

2. เอ็ดดี้ ฮาว, 38 ปี (บอร์นมัธ)

ยังเด็กกว่านักเตะหลายคนด้วยซ้ำฮาว ถือเป็นกุนซือรุ่นใหม่ที่ได้รับการจับตาอย่างมากในเมืองผู้ดี โดยหนุ่มใหญ่วัย 38 ปี ถึงขนาดถูกมองเป็นตัวเลือกในการคุมทีมชาติอังกฤษมาแล้ว ซึ่งนั่นเป็นเพราะผลงานของเขากับ บอร์นมัธ เข้าขั้นมหัศจรรย์ไม่น้อย
โดยในปี 2009 ฮาว ในวัยเพียง 31 ปี พาทีมเล็กๆอย่าง “เดอะ เชอร์รีส์” ที่โดนตัด 17 แต้มก่อนเปิดซีซั่น เนื่องจากปัญหาการเงิน รอดตกชั้นจากลีกทูได้อย่างเหลือเชื่อ และเจ็ดปีต่อมา ฮาว คนเดิมพาพวกเขาผงาดขึ้นชั้นสู่ลีกสูงสุด และอยู่รอดด้วยสไตล์การเล่นเน้นเกมรุก เอามันอีกด้วยและมั่นใจได้เลยว่า เก้าอี้ “สิงโตคำราม” ตัวนั้น จะต้องเป็นของ ฮาว ในสักวันแน่นอน

3. มาร์โก ซิลวา, 39 ปี (ว่างงาน)


กุนซือชาวโปรตุเกสเพิ่งลาออกจาก โอลิมเปียกอส เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดย ซิลวา บอกว่า เป็นเหตุผลส่วนตัว ซึ่งล่าสุดมีข่าวว่า น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ต้องการตัวเขาไปคืนชีพให้ “เจ้าป่า” อีกครั้ง หลังก่อนหน้านี้ ซิลวา เคยพา เอสโตริล ทีมเล็กๆในแดนฝอยทองผงาดคว้าที่ 4 ใน ปรีไมราลีกา เมื่อซีซั่น 2013/14 มาแล้ว(ตอนนั้นอายุแค่ 34 ปี)

ด้วยความสำเร็จนั้น ทำให้ โค้ชวัย 39 ปี ได้โอกาสรับงานใหญ่จาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน ทว่าแม้จะพา “สิงโตแห่งลิสบอน” ได้แชมป์โปรตุกีส คัพ แต่ ซิลวา กลับโดนปลดจากตำแหน่ง โดยรายงานข่าวระบุว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขามักแต่งตัวไม่เรียบร้อยเสมอ(ฮา)

จากนั้น เทรนเนอร์ดาวรุ่ง ย้ายไปกรีซเพื่อคุม โอลิมเปียกอส ก่อนจบผลงานที่แชมป์ลีกก่อนปิดซีซั่นถึง 6 นัด และยังพาทีมปราบ อาร์เซนอล ในบอลยุโรปได้อีกด้วย

4. มาร์ค แซมป์สัน, 33 ปี (ทีมชาติอังกฤษหญิง)

  การพาทีมชาติอังกฤษได้อันดับ 3 ฟุตบอลโลกย่อมไม่ใช่เรื่องเล็กๆแน่ แม้มันจะเป็นฟุตบอลหญิงก็ตาม การพาทีมชาติอังกฤษได้อันดับ 3 ฟุตบอลโลกย่อมไม่ใช่เรื่องเล็กๆแน่ แม้มันจะเป็นฟุตบอลหญิงก็ตาม และที่สำคัญที่สุด คือ คนที่ทำได้มีอายุเพียง 32 ปี(ในตอนนั้น) เท่านั้น โดย แซมป์สัน เคยผ่านประสบการณ์เป็นโค้ชให้กับ บริสโทร อคาเดมี่ เพียงที่เดียว ก่อนได้รับโอกาสคุมทีมชาติในปี 2013  และตอนนี้ กุนซือดาวรุ่งและลูกทีม กำลังหวังที่จะสร้างประวัติศาสตร์ในศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปในปีหน้าด้วยการคว้าแชมป์ให้จงได้

5. มาร์เซโล่ กายาร์โด้, 40 ปี (ริเวอร์เพลท)

แม้จะมีความสูงเพียง 5 ฟุต 5 นิ้ว แต่ชีวิตค้าแข้งของ กายาร์โด้ ก็ได้รับการยอมรับมาตลอด เช่นเดียวกับ ผลงานการคุมทีม โดย อดีตซูเปอร์สตาร์ของริเวอร์เพลตกลับมาช่วยต้นสังกัดเก่าในฐานะกุนซือของทีมตั้งแต่ปี 2014 พร้อมนำทีมทวงคืนความยิ่งใหญ่ผงาดคว้าแชมป์โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส คัพ และนั่นทำให้ ยักษ์ใหญ่แห่งอาร์เจนติน่า กลับมาเป็นแชมป์ทวีปได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1996 พร้อมทั้งยังได้สิทธิไปเล่นศึกชิงแชมป์สโมสรโลก ทว่าน่าเสียดายเพียงที่ กายาร์โด้และลูกทีม ต่างทานความแข็งแกร่งของ บาร์เซโลน่า ไว้ไม่ไหว

6. อันเดร วิลลาช-โบอาช, 38 ปี (ว่างงาน)

เราได้ยินชื่อของ โบอาช มาหลายปี จนเกือบทำให้หลายคนลืมไปแล้วว่า เขายังอายุไม่ถึง 40 ปีด้วยซ้ำเราได้ยินชื่อของ โบอาช มาหลายปี จนเกือบทำให้หลายคนลืมไปแล้วว่า เขายังอายุไม่ถึง 40 ปีด้วยซ้ำ และไม่แน่ว่าเร็วๆนี้ “เอวีบี” อาจจะกลับมาอังกฤษอีกครั้งก็เป็นได้ หลังจากที่ อดีตกุนซือเชลซีและสเปอร์ส เพิ่งลา เซนิต เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก มา

โดยที่รัสเซียนั้น โบอาช ไม่สามารถปรับตัวกับการใช้ชีวิตได้เท่าไร แต่ก็ยังอุตส่าห์พา เซนิตฯ ได้แชมป์ลีกในปี 2015 พร้อมพาทีมผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในแชมเปี้ยนลีกในปีที่ผ่านมา

และ “เอวีบี” เพิ่งประกาศว่า จะขอพักงานหนึ่งปี แต่เชื่อได้ว่า หากโอกาสเปิดเมื่อไร กุนซือชาวโปรตุกีส ก็พร้อมคืนสังเวียนลีคระดับท็อปแน่นอน

7. พอล ดาร์ได, 40 ปี (แฮร์ธ่า เบอร์ลิน)

ทีมดังแห่งเมืองหลวงเยอรมัน อาจจะพลาดโอกาสไปลุยยูซีแอลในปีหน้า หลังมาตกม้าตายช่วงท้ายซีซั่น แต่การได้กลับไปลุยยุโรปอีกครั้ง ก็ถือเป็นเรื่องไม่เลวสำหรับอดีตยักษ์ใหญ่ทีมนี้ หลังจากที่ตกต่ำมาหลายปี ทั้งยังสามารถเห็นอนาคตที่สดใสภายใต้การคุมทีมของตำนานสโมสรอย่าง ดาร์ได โดย สมัยยังค้าแข้งนั้น อดีตดาวเตะชาวฮังการี่ ลงเล่นให้กับ แฮร์ธ่าฯ ถึง 14 ปี พร้อมทำสถิติลงสนามในลีกถึง 286 นัด ก่อนผันตัวไปคุมประเทศบ้านเกิด ซึ่งหลายๆคนในทีมชุดยูโร 2016 ของ ฮังการี่ ก็เกิดจากการปั้นของ ดาร์ได

จากนั้นในปี 2015 เขากลับมาที่ เบอร์ลิน เพื่อคุมทีมรัก พร้อมกับรอที่จะสร้างความสำเร็จใหม่ๆในปีถัดๆไปอีกนาน

8. ลี จอห์นสัน, 35 ปี (บริสตอล ซิตี้)

แกรี่ จอห์นสัน ผู้เป็นพ่อคือต้นแบบของ ลี จอห์นสัน อย่างแท้จริง โดย แกรี่ ผ่านประสบการณ์การคุมทีมมากว่า 30 ปี และยังคงนับต่อไปได้เรื่อยๆ และครั้งหนึ่ง “จอห์นสันผู้พ่อ” ก็เคยคุม บริสตอล ซิตี้ มาแล้วเช่นกัน(2005 ถึง 2010) ก่อนที่ ลี จะเดินตามรอยบิดา เข้ามากุมบังเหียนที่นี่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมได้รับยกย่องว่า เป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมดาวรุ่งที่ร้อนแรงที่สุดในประเทศ และได้สร้างชื่อตัวเองเรียบร้อยแล้ว โดยก่อนหน้านี้ ลี ผ่านงานกับ โอลด์แฮม ก่อนโยกไปคุม บาร์นสลีย์ ซึ่งเขาพาทีมจบครึ่งบนของง แชมเปี้ยนชิพ ได้สบายๆ และนั่นทำให้เขามีโอกาสได้ย้ายมาคุม บริสตอล ซึ่งเชื่อว่าอีกไม่นาน เราอาจได้เห็นเขาในพรีเมียร์ลีกก็เป็นได้

9.โธมัส ทูเคิลกุนซือวัย 42 ปี


เป็นแฟนตัวยงของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และรักเกมรุกเป็นชีวิตจิตใจ นั่นทำให้ ทูเคิ่ล เลือกสร้างดอร์ทมุนด์เวอร์ชั่นใหม่ด้วยการให้ทีมเล่นบอลบนพื้นผสานกับการใช้โจมตีเร็ว จนทำให้ ยักษ์ใหญ่สีเหลือง ยิงไปถึง 140 ลูกในทุกรายการเมื่อซีซั่นที่แล้ว ทั้งยังสร้างสถิติเป็นรองแชมป์บุนเดสลีก้าที่มีคะแนนมากที่สุดตลอดกาล(78 แต้ม)ความสามารถอีกอย่างของ เทรนเนอร์ดาวรุ่ง ก็คือ การรีดฟอร์มของนักเตะหลายคน โดย ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง และ เฮนริค มคิทาร์ยาน ต่างมีซีซั่นที่สุดยอดที่สุดในสีเสื้อดอร์ทมุนด์ในยุคของเขา

โพสต์โดย : เจนจิรา เจนจิรา เมื่อ 29 ก.ย. 2560 08:17:33 น. อ่าน 550 ตอบ 0

facebook