.gif "g2g")
ล็อกถล่ม ปีศาจแดง โดนทีเด็ด บริสตอล ช่วงทดเจ็บ ร่วงตกรอบคาราบาว คัพ
โพสต์เมื่อ 21 ธ.ค. 2560 01:59:42 น. เข้าชม 728 ครั้ง แจ้งลบ
การแข่งขันฟุตบอลคาราบาว คัพ คืนวันที่ 20 ธันวาคม 2560 เป็นการฟาดแข้งในรอบ 8 ทีมสุดท้าย "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกเยือน บริสตอล ซิตี้ ทีมในลีกแชมเปียนชิพ อังกฤษ
เจ้าถิ่นบริสตอล ซิตี้ ของกุนซือลี จอห์นสัน ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมชนะรวดมา 4 เกมติดต่อกัน รั้งอันดับ 3 ในตารางคะแนนเดอะแชมเปียนชิพ ขณะที่ แมนฯยูไนเต็ด ของกุนซือโชเซ่ มูรินโญ่ เพิ่งบุกชนะ เวสต์บรอมวิช ถึงถิ่น 2-1 ในเกมลีกเมื่อสุดสัปดาห์ รั้งอันดับ 2 ขอศึกพรีเมียร์ลีก
เริ่มเกมในครึ่งเวลาแรก แมนฯยูไนเต็ด เปิดฉากบุกใส่เจ้าถิ่่นอย่างต่อเนื่อง มีโอกาสทำประตูหลายต่อหลายครั้งแต่จบสกอร์กันไม่คม จบ 45 นาทีแรก เสมอกันไปแบบไร้สกอร์ 0-0
เกมในครึ่งเวลาหลังเริ่มมาแค่ 6 นาที กลายเป็นบริสตอล ที่มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากการยิงของ โจ ไบรอัน ในนาทีที่ 51
อย่าไรก็ตาม ปีศาจแดง มาไล่ตามตีเสมอได้อย่างรวดเร็วในนาทีที่ 58 จากลูกยิงของซลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่วันนี้ได้ออกสตาร์ทเป็น 11 ตัวจริง
หลังได้ประตูตีเสมอ แมนฯยูไนเต็ด พยายามเปิดเกมบุกอย่างต่อเนื่องเพื่อทำประตูขึ้นนำให้ได้ แต่แนวรับของบริสตอล ยันเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่แล้วช่วงทดเวลาบาดเจ็บ กลายเป็นเจ้าถิ่นที่มาได้ประตูนำ 2-1 อย่างเหลือเชื่อ จากการยิงของโคเรย์ สมิธ
หมดเวลา 90 นาที บริสตอล ซิตี้ เปิกบ้านพลิกล็อกเอาชนะ แมนฯยูไนเต็ด 2-1 เขี่ยทีมปีศาจแดงจอดป้ายเพียงรอบ 8 ทีมสุดท้าย และเป็นการเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์สโมสร
รายชื่อ 11 ตัวจริงทั้งสองทีม
บริสตอล ซิตี้ : ลุก สตีล (GK), ไบลีย์ ไรท์, อาเดน ฟลินท์, นาธาน เบเคอร์, โฮเดอร์ แม็กนุสสัน, จอช บราวน์ฮิลล์, มาร์ลอน แพ็ค, โคเรย์ สมิธ, โจ ไบรอัน, เจมี แพ็ทเตอร์สัน, บ็อบบี้ รีด
แมนฯยูไนเต็ด : เซร์คิโอ โรเมโร่ (GK), ดาลีย์ บลินด์, มาร์กอส โรโฮ, วิคตอร์ ลินเดอร์เลิฟ, มัตเตโอ ดาเมียน, สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์, พอล ป็อกบา, ลุก ชอว์, แอนโธนี มาร์กชิยาล, มาร์คัส แรชฟอร์ด, ซลาตัน อิบราฮิโมวิช
ส่วนผลการแข่งขันอีกหนึ่งคู่ เชลซี เปิดบ้านเฉือนชนะ บอร์นมัธ 2-1 โดยอัลบาโร่ โมราต้า มาทำประตูชัยให้ทีมในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
เจ้าถิ่นบริสตอล ซิตี้ ของกุนซือลี จอห์นสัน ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมชนะรวดมา 4 เกมติดต่อกัน รั้งอันดับ 3 ในตารางคะแนนเดอะแชมเปียนชิพ ขณะที่ แมนฯยูไนเต็ด ของกุนซือโชเซ่ มูรินโญ่ เพิ่งบุกชนะ เวสต์บรอมวิช ถึงถิ่น 2-1 ในเกมลีกเมื่อสุดสัปดาห์ รั้งอันดับ 2 ขอศึกพรีเมียร์ลีก
เริ่มเกมในครึ่งเวลาแรก แมนฯยูไนเต็ด เปิดฉากบุกใส่เจ้าถิ่่นอย่างต่อเนื่อง มีโอกาสทำประตูหลายต่อหลายครั้งแต่จบสกอร์กันไม่คม จบ 45 นาทีแรก เสมอกันไปแบบไร้สกอร์ 0-0
เกมในครึ่งเวลาหลังเริ่มมาแค่ 6 นาที กลายเป็นบริสตอล ที่มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากการยิงของ โจ ไบรอัน ในนาทีที่ 51
อย่าไรก็ตาม ปีศาจแดง มาไล่ตามตีเสมอได้อย่างรวดเร็วในนาทีที่ 58 จากลูกยิงของซลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่วันนี้ได้ออกสตาร์ทเป็น 11 ตัวจริง
หลังได้ประตูตีเสมอ แมนฯยูไนเต็ด พยายามเปิดเกมบุกอย่างต่อเนื่องเพื่อทำประตูขึ้นนำให้ได้ แต่แนวรับของบริสตอล ยันเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่แล้วช่วงทดเวลาบาดเจ็บ กลายเป็นเจ้าถิ่นที่มาได้ประตูนำ 2-1 อย่างเหลือเชื่อ จากการยิงของโคเรย์ สมิธ
หมดเวลา 90 นาที บริสตอล ซิตี้ เปิกบ้านพลิกล็อกเอาชนะ แมนฯยูไนเต็ด 2-1 เขี่ยทีมปีศาจแดงจอดป้ายเพียงรอบ 8 ทีมสุดท้าย และเป็นการเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์สโมสร
รายชื่อ 11 ตัวจริงทั้งสองทีม
บริสตอล ซิตี้ : ลุก สตีล (GK), ไบลีย์ ไรท์, อาเดน ฟลินท์, นาธาน เบเคอร์, โฮเดอร์ แม็กนุสสัน, จอช บราวน์ฮิลล์, มาร์ลอน แพ็ค, โคเรย์ สมิธ, โจ ไบรอัน, เจมี แพ็ทเตอร์สัน, บ็อบบี้ รีด
แมนฯยูไนเต็ด : เซร์คิโอ โรเมโร่ (GK), ดาลีย์ บลินด์, มาร์กอส โรโฮ, วิคตอร์ ลินเดอร์เลิฟ, มัตเตโอ ดาเมียน, สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์, พอล ป็อกบา, ลุก ชอว์, แอนโธนี มาร์กชิยาล, มาร์คัส แรชฟอร์ด, ซลาตัน อิบราฮิโมวิช
ส่วนผลการแข่งขันอีกหนึ่งคู่ เชลซี เปิดบ้านเฉือนชนะ บอร์นมัธ 2-1 โดยอัลบาโร่ โมราต้า มาทำประตูชัยให้ทีมในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
แสดงความคิดเห็น
